สอนจีบสาว เทคนิคการจีบสาว

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

คลังบทความของบล็อก

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อีกหนึ่งเทคนิคง่ายๆในการใช้ Social Network อย่าง Facebook
ในการสร้าง Rapport กับคนที่เป็น Friend ของเรา
หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เป็น Friend แต่เรา Follow เค้า
ได้อย่างง่ายๆก็คือ

การ Like และ Share โพสต่างๆของเค้า
ตรงนี้หลายๆคนอาจจะบอกว่า
ไม่เห็นแปลกเลย เรื่องปกติ รู้ๆกันอยู่แล้ว

แต่เทคนิคคือ
ทุกครั้งที่มีโอกาสเห็นโพสของเค้าขึ้น
News Feed ของเรา
และยังไม่มีใครกดไลค์
ให้เรารีบชิงกดไลค์ก่อน หรือไม่ก็แชร์ก่อนเป็นคนแรกๆ

เพราะอย่าลืมว่า การที่เราไปตามไลค์เค้าหลังจากนั้น
มันก็อาจจะช่วยในการสร้าง Rapport ให้เราในระดับนึง
แต่เค้าอาจจะไม่สังเกตเห็น

ดังนั้นการชิงกดไลค์ก่อนเป็นคนแรกๆ
จะทำให้เค้าสังเกต และจดจำเราได้ดีครับ

เรื่องการกดแชร์นั้น มีประโยชน์มาก
ในกรณีที่เรากดไลค์เป็นคนแรกๆไม่ทัน


เพราะจะทำให้เค้าสังเกตเห็นเนื่องจากน้อยคนที่จะกดแชร์
ที่สำคัญมันจะทำให้คนโพสเค้ารู้สึกภูมิใจ
พูดตรงๆก็คือ เป็นการกระตุ้น ego ของเค้า
ทำให้เค้ารู้สึกดีต่อเรามากขึ้น
ดังนั้น เห็นอะไรโดนใจก็กดแชร์ไปเลยครับ

ใช้ Facebook ให้ดีๆ ก็จะช่วยให้เรานั้นสร้าง Social Circle
ได้เยอะพอสมควรครับ
.
.

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ปัญหาโลกแตกสำหรับหนุ่มๆหลายคนก็คือ
"เวลาเจอสาวที่โดนใจทีไร
ก็ไม่กล้าเข้าไปคุยกับเค้าทุกที"

ทีนี้เราก็ต้องลองมาวิเคราะห์
หาสาเหตุว่า ทำไม มันถึงไม่กล้า

ปัญหาหลักๆเลยก็คือ
ในใจเรามักจะคิดว่า


- ถ้าเข้าไปแล้ว จะพูดอะไรดี?
- จะใช้ประโยคอะไรเปิดดี?
- ใช้มุกไหนเข้าไปทักทายดีนะ?

ทีนี้ หลายๆคนบอก
ไม่ต้องคิดมาก
ให้ทำใจถึงๆไปเลย
ซึ่งในทางปฏิบัติมันไม่ง่ายขนาดนั้นครับ


แต่ประเด็นคือ
คนส่วนใหญ่ พอรู้ปัญหาพวกนี้
ก็ไม่แก้ไข แต่ใช้การผลัดวันประกันพรุ่ง
โดยคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก
ไว้คราวหน้าละกัน
รอจังหวะดีๆกว่านี้

พอเจอแบบนี้ ผลัดไปเรื่อยๆ
สุดท้าย เราก็ไม่เกิดทักษะ
เพราะไม่เคยเข้าไปคุยกับใครเลย
วิธีฝึกก็ให้ฝึกคุยกับคนรู้จัก คุยกับเพื่อน

ไม่ต้องรีบร้อนเข้าไปทักสาวแปลกหน้า
เพราะเชื่อว่าหลายๆคนก็ยังไม่กล้าที่จะทำครับ

ยิ่งเราไปฝืน มันจะยิ่งทำให้เราเสียความมั่นใจเปล่าๆ

ดังนั้นให้เริ่มฝึกจากสิ่งที่ง่ายๆก่อน
โดยการคุยกับคนรู้จักนั่นเองครับ
.

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สวัสดีครับ
ตอนที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้
ก็เพิ่งคุยกับคนรู้จักมาหลายคน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ก็มักจะบ่นเรื่องหาแฟนลำบาก
อยากเจอคนดีๆ เหงา อยากมีแฟนกับเค้าบ้าง

ปัญหาก็คือ
ออกไปเที่ยวผับ ก็เจอแต่คนไม่จริงใจ

ในที่ทำงานก็มีแต่คนหน้าเดิมๆ
เพื่อนก็หน้าเดิมๆ
จะมัวรอให้เพื่อนแนะนำเพื่อนของเพื่อนให้รู้จัก
ก็ลำบาก ยากที่จะเจอคนถูกใจ

ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือ
การเดินออกไปทำความรู้จักกับสาวๆในระหว่างวันครับ

ตรงนี้ต้องบอกว่า ผู้ชายเป็นเพศที่โชคดีมาก
สาวๆนั้น เค้าลำบากกว่าเราเยอะครับ
จะให้เดินเข้าไปจีบหนุ่มๆ ก็คงจะเหนื่อย

ฉะนั้น ให้เปิดใจกว้างๆ เรียนรู้เรื่องนี้ครับ

ก็ในบทความนี้ผมจะพูดถึง
วิธีการที่จะทำให้เราเจอผู้หญิงดีๆมากขึ้น
ก่อนอื่นเราต้องคิดก่อนว่า
เราอยากเจอผู้หญิงแนวๆไหน

ถ้าอยากได้แนวๆเด็กเรียน แต่ดันไปหาตามผับ
อันนี้มันก็ยากครับ

"ถ้าอยากได้สวยๆ ก็ต้องไปเดินในแหล่งที่สาวสวยเยอะๆ"

ปัญหาของหนุ่มๆส่วนใหญ่คือ
เดินเล่นแต่ในที่เดิมๆ
ไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ
ทำงานในที่เดิมๆ
แบบนี้มันก็มีโอกาสน้อยที่จะเจอคนสวยๆที่โดนใจ

แนะนำว่า ให้หาเวลาสัก 1 ชั่วโมง
ออกไปเดินเล่นตามแหล่งที่มีสาวสวยเยอะๆ
เพื่อให้ตัวเราเองได้เข้าไปอยู่ถูกที่ก่อนครับ
ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

ตรงนี้เอง แม้ว่าเรายังไม่มีทักษะอะไรเลย
ดีไม่ดี อาจจะเจอคนถูกใจโดยบังเอิญก็ได้ครับ
จะเห็นว่า แค่เอาตัวเราเข้าไปอยู่ถูกที่
ก็มีประโยชน์มากแล้วครับ

Step แรก ที่แนะนำเลย ก็คือ
"หาเวลาว่างสัก 1 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ ออกไปเดินเล่นในสถานที่ ที่มีสาวสวยเยอะๆ
ไม่แนะนำผับนะครับ แนะนำเป็นสถานที่ในเวลากลางวัน
เพราะในผับ ส่วนใหญ่มาเช็กเรตติ้งกันเฉยๆ"

ถึงแม้เราจะยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะอะไรเลย
แต่อย่างน้อยๆ มันก็เพิ่มโอกาสให้เราได้ในระดับหนึ่งครับ

ในบทความต่อไป
ผมจะเริ่มพูดถึงทักษะเบสิคที่สำคัญครับ
ก็รอติดตามกันได้ครับ
.
.

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โอเคครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราจะมาดูเหตุผลว่า
ทำไมเราควรเรียนรู้ทักษะเรื่อง Daygame กัน ครับ

1. เพื่อที่จะได้มีตัวเลือกมากขึ้น

อย่างที่บอกไปว่า ส่วนใหญ่แล้ว
คนทั่วไปก็มักจะหาแฟนจาก กลุ่มเพื่อน
กลุ่มคนที่ทำงานด้วยกัน
บ้างก็เพื่อนแนะนำมา หรือไม่ก็เพื่อนเอาเบอร์มาให้

แต่ถ้าเราเรียนรู้ทักษะเรื่อง Daygame
เราก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น
เพราะเราจะสามารถเข้าไปคุยกับใครก็ได้
โดยไม่ต้องนั่งรอว่า
เมื่อไหร่จะมีเพื่อนแนะนำสาวๆให้เรารู้จักครับ

2. เราจะรู้สึกสนุกมากขึ้นทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

เมื่อเรามีทักษะที่ดีแล้ว
เราจะรู้สึกสนุกที่ได้ออกไปเดินเที่ยว
หรือออกไปเดินเล่นตามที่ต่างๆ
เพราะเรารู้ว่า วันนี้เราอาจจะได้เจอคนดีๆ
เจอคนใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ ก็ได้

จะได้ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ที่
ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
เพียงเพราะไม่รู้ว่าจะเข้าไปคุยกับเค้ายังไงครับ

3. ทำให้เรามี Power เมื่ออยู่กับแฟน

เวลาเรามีแฟน ถ้าเราเป็นคนที่มีทักษะเรื่อง Daygame ที่ดี
แฟนของเราเค้าจะรู้สึกได้ครับ
เพราะเค้าจะรู้ว่า
เราเป็นคนที่สามารถเข้าไปคุยกับสาวๆคนไหนก็ได้
ดังนั้น แฟนของเราก็จะไม่งอนแบบไม่มีเหตุผลมากมายนัก

แต่ถ้าแฟนเรารู้ว่าเราทักษะไม่ดี
เค้าก็จะรู้ว่า เราต้องยอมเค้าตลอด
เนื่องจากเค้ารู้ว่า
เราจะรู้สึกกลัวที่จะต้องหาแฟนคนใหม่ ถ้าเสียเค้าไป

บางครั้งเราก็ต้องใช้ Daygame ต่อหน้าแฟนบ้าง
เพื่อให้เค้าเห็นว่าเราเป็นคนที่มีทักษะดีครับ

4. พัฒนาทุกด้านของชีวิต

คนที่มีทักษะ Daygame ดี
จะเป็นคนที่มีทักษะการสนทนาที่ดีไปด้วย
ทำให้ทุกๆด้านของชีวิตดีขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการงาน หรือเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้างครับ

ก็จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย
มีแต่จะช่วยให้ชีวิตเรานั้นสนุก
และมีโอกาสมากขึ้นครับ

ในบทความต่อไปผมจะอธิบาย
เรื่องต่างๆเพิ่มเติม
ก็รอติดตามกันได้ ครับ
.
.

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557



วันนี้มีเทคนิคง่ายๆในการทำให้คนที่เค้าอยู่กับเรารู้สึกดี
มาฝากกันครับ

เทคนิคที่ว่าก็คือ

"ให้พยายามตั้งใจฟัง อย่าพูดเกี่ยวกับตัวเราเยอะครับ"

เป็นเทคนิคที่ ไม่ต้องอะไรมาก
ออกแรงน้อยๆ แต่ได้ผลเยอะ

เวลาสนทนากับใครก็แล้วแต่
ให้พยายามเป็นฝ่ายฟังมากๆ
ไม่ต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องของเราเยอะ

เพราะโดยธรรมชาติแล้ว
คนเราจะชอบเล่าเรื่องของตนเอง

ถ้าเราเข้าใจ และตั้งใจฟัง
ปล่อยให้เค้าพูดมาเยอะๆ
เค้าจะรู้สึกดีเวลาอยู่กับเรา

ทีนี้พอคราวหน้า เค้าเจอเราอีก
เค้าก็อยากเข้ามาคุยกับเราครับ

ก็อย่าลืมเทคนิคง่ายๆเทคนิคนี้ครับ


วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557




สำหรับในบทความนี้
จะพูดถึงกฎสำคัญอีกหนึ่งข้อ
นั่นก็คือ Law of Reciprocity

คำว่า Reciprocity
พูดง่ายๆก็คือ
"การที่เราทำอะไรให้คนอื่นก่อน
เค้าก็จะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเราลึกๆในใจครับ"

ตัวอย่างง่ายๆเช่น
เราเคยช่วยเค้าไว้เรื่องนึง
พอคราวหน้า เค้ามีโอกาสที่จะช่วยเรา
เค้าก็จะยิินดีที่จะช่วยเราครับ

ดังนั้น
Concept ง่ายๆที่จะแนะนำให้ไปฝึกกัน
ก็คือ
เวลาเรามีโอกาสช่วยเหลือใครก็แล้วแต่
ให้ช่วยไว้เถอะครับ
อย่าไปมองว่า เราจะได้อะไร ในตอนนั้นทันที
เพราะอนาคตข้างหน้า
เราไม่รู้หรอกครับ ว่าเราอาจจะต้องพึ่งพาคนๆนั้นมั้ย

จริงๆแล้วเรื่องนี้ประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่อง
เช่นการทำธุรกิจ แทนที่เราจะไปร้องขอ
เพื่อให้เค้าช่วยเหลือเรา
ก็ให้เราเสนอตัวช่วยเหลือเค้าก่อน
ลึกๆ ถ้าเค้าเป็นคนดี เค้าก็จะรู้สึก
เป็นหนี้บุญคุณเรา และต้องการตอบแทนเราอย่างแน่นอนครับ

ก็จำไว้ว่า กฎนี้ช่วยในการ
ขยาย Social Circle ของเราได้เช่นกันครับ

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557



สำหรับเทคนิค Mirroring อันนี้
เป็นเทคนิคง่ายๆที่ช่วยสร้าง Rapport ในระยะสั้น
ให้สำหรับเราครับ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า
เทคนิคนี้ เพียงแค่ช่วยในการ
สร้าง Rapport ระหว่างเรากับเค้า
ในระยะสั้นๆเท่านั้น
ถ้าจะสร้าง Rapport ระยะยาว
ใช้เพียงเทคนิคนี้เพียงอย่างเดียวไม่พอครับ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
เทคนิคนี้ก็ยังมีประโยชน์
ในการทำให้เค้ารู้สึกดีกับเราได้
ในช่วงเวลาสั้นๆที่เค้าอยู่กับเราครับ

เทคนิคที่ว่าก็คือ
การเลียนแบบท่าทางของเค้า
เช่นเข้ายืนกอดอกคุยกับเรา
ก็ให้เรากอดอกตามเค้า
แต่ต้องทำเนียนๆนะครับ
ไม่ใช่ทำตามแบบให้เค้ารู้ว่าเราจงใจ
ทำตาม แต่ให้พยายามทำตามแบบเป็นธรรมชาติ

สมมติเค้านั่งไขว่ห้าง เราก็นั่งตามเค้า
เข้าจับคางบ่อยๆ เราก็พยายามทำตามเค้า

เทคนิคพวกนี้
เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก
ถ้าเรา mirror หรือเลียนแบบท่าทางของเค้า
เค้าก็จะรู้สึกดีเวลาอยู่กับเราครับ

ก็ลองนำไปใช้กันดู
แม้จะเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆ
แต่อย่าลืมว่า เมื่อนำแต่ละเทคนิคมารวมๆกัน
มันก็จะส่งผลที่มาก ต่อการสร้าง Rapport ของเราครับ

ในบทความต่อไป
ผมจะอธิบายถึงเทคนิคเพิ่มเติมให้ครับ



หลายต่อหลายครั้ง
หนุ่มๆส่วนใหญ่
พอเจอสาวๆที่ถูกใจ
ใน Social Circle ใหม่ๆ
หรือในสังคมใหม่ๆ

หนุ่มๆเหล่านี้
ก็มักจะรีบเดินเกม
โดยพยายามที่จะขอเบอร์เค้าให้ได้
เพราะเกรงว่าจะไม่ได้เจอเค้าอีก
หรือหนักไปกว่านั้น
บางคนพยายามปิดเกมให้ได้
ภายในคืนนั้นเลย

ก็แนะนำว่าลองเปิดใจกว้างๆ
ลองจินตนาการดูว่า
สาวๆเค้าจะรู้สึกกดดันขนาดไหน
ที่อยู่ดีๆ มีผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า
ไม่เคยรู้จัก เข้ามาขอเบอร์
เข้ามาจีบแบบรุกหนักแบบนี้

ก็แนะนำว่า
ให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน

หลายๆคนอาจจะบอกว่า
ถ้าไม่รีบ
ก็อาจจะไม่ได้เจอเค้าอีกแล้วก็ได้

ตรงนี้ผมถึงบอกว่าเรื่อง
Social Circle
มันมีความสำคัญยังไงละครับ

แทนที่เราจะรีบขอเบอร์เค้า
ตั้งแต่แรกเจอ
ก็ให้ พยายามเอาตัวเรา
เข้าไปอยู่ใน Social Circle
ของเค้าให้ได้ จะเป็นการดีกว่าครับ

เช่น สมมติเจอ ในงานวันเกิดเพื่อนเรา
ก็ไม่ต้องรีบร้อน เพราะถือว่า เค้าอยู่ใน
Social Circle ของเพื่อนเรา
ยังไงถ้าเราไปงานของเพื่อนเราบ่อยๆ
ก็ต้องเจอเค้าอีกหลายครั้งอย่างแน่นอน

สมมติ เจอที่ร้านนั่งชิลล์
ก็คุยถามเค้าดูว่า มาบ่อยมั้ย
หรือมาวันไหนเป็นประจำ
เราก็พยายามมาบ่อยๆ ยังไงก็เจอเค้าแน่นอน

ประเด็นที่ผมบอกให้
พยายามเข้าไปอยู่ใน
Social Circle ของเค้า

เพราะเราจะใช้ประโยชน์ของ
Familiarity Effect ครับ

ปรากฎการณ์ที่ว่านี้ก็คือ
"ยิ่งเราเจอหน้าใครบ่อยเท่าไร
เราก็มีแนวโน้มที่จะชอบคนๆนั้นมากขึ้นเท่านั้นครับ"

แม้ว่า เราจะไม่ได้คุยอะไรกับเค้ามากมาย
แต่ถ้าพยายามให้เค้าเห็นหน้าเราบ่อยๆ
รับรองว่า ลึกๆเค้าจะรู้สึกดีกับเราอย่างแน่นอนครับ

พูดง่ายๆว่า ไม่ต้องคุยเยอะ
เข้าไปคุยแปปๆ แล้วก็เดินจากไป
ให้เค้าเห็นหน้าเราบ่อยๆ
และปล่อยให้เค้าค่อยๆรู้สึกชอบเรา
เพราะเริ่มรู้จักเรามากขึ้นครับ

ต้องเข้าใจก่อนนะครับ
ว่า เราต้องพัฒนาทักษะด้านอื่นๆด้วย
ไม่ใช่ว่า
ให้เค้าเจอหน้าบ่อยๆแล้วจะมาหลงรักเรา
อย่าเข้าใจผิดนะครับ

ที่ผมสื่อก็คือ
ยิ่งเค้าเจอหน้าเราบ่อย
เค้าก็จะรู้สึกดีกับเรามากขึ้นเท่านั้น
และตรงนี้เอง
จะทำให้เราเดินเกมจีบได้ง่ายขึ้นครับ

ก็สรุปว่า
เจอสาวที่ถูกใจครั้งแรก
อย่ารีบเดินเกมหนัก ประเภทขอเบอร์ทันที
หรือแสดงออกว่าจีบทันที

แต่แนะนำว่า ให้พยายามเข้าไป
อยู่ใน Social Circle ของเค้าให้ได้ก่อน
จากนั้นค่อยเดินเกมจีบครับ

ก็ในบทความหน้าผมจะพูดถึง
เทคนิค Mirroring
ที่ช่วยในการสร้าง Rapport
ในระยะสั้นครับ

ก็รอติดตามกันได้ครับ


วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557



หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า
ต้องรู้จักเป็นผู้ให้
หรือ Give Value ให้คนอื่นก่อน
แล้วเค้าถึงจะช่วยเหลือเรากลับมา
หรือช่วยให้เราเข้าไปอยู่ใน
Social Circle ของเค้า

เมื่อก่อนผมก็เชื่อแบบนี้
แต่จริงๆแล้ว พอมานั่งนึกดูดีๆ
ปรากฎว่า
ถ้าเราสังเกตดีๆ มัน ##ไม่ใช่##
การ Give Value หรอกครับ
ที่ทำให้เราได้เข้าไปอยู่ใน
Social Circle ในระดับ
ที่เค้าจะแนะนำให้เรานั้น
รู้จักเพื่อนๆ หรือรู้จักคนในสังคมของเค้า
หรือชวนเราไปเที่ยวกับเค้าบ่อยๆ

ประเด็นคือ
คำว่า ให้คุณค่า
ที่หลายๆคนชอบแนะนำกัน
มันฟังเหมือนดูดี
แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ผล
เพราะ คุณค่าของแต่ละคน
ก็ไม่เหมือนกัน
เช่น เรามองว่า
การที่เราชอบอ่านหนังสือ
แล้วเราเอาหนังสือไปให้เค้า
มันเป็นการ Give Value ให้เค้า
ดังนั้นเค้าก็น่าจะชอบเรา
หรือดึงเราเข้าไปอยู่ใน
Social Circle ของเค้าด้วย
ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนี้ครับ
เพราะเค้าอาจจะไม่ชอบอ่านหนังสือก็ได้

ดังนั้น ผมอยากให้ทุกท่าน
เปลี่ยนมุมมองใหม่จากคำว่า
Give Value
มาเป็นคำว่า Utility หรือ
ประโยชน์ที่เรามี ครับ

ตรงนี้เปิดใจกว้างๆนิดนึงนะครับ
ผมไม่ได้บอกให้คบกันเพราะผลประโยชน์อย่างเดียว
แต่ในโลกความเป็นจริง
มันก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ไม่มีใครอยากอยู่กับ
คนที่เอาแต่เป็นฝ่ายดึงผลประโยชน์ฝ่ายเดียวแน่นอนครับ

ดังนั้น เราก็ต้องเป็นฝ่ายที่ให้ประโยชน์เค้า
หรือพูดตรงๆก็คือ เป็นคนมีประโยชน์กับเค้า ครับ

จึงไม่ต้องสงสัยว่า
บางคนที่เป็นคนมีตัง จึง
มีคนเข้ามารุมล้อมมากมาย

แต่ทีนี้ หลายๆคนอาจจะบอกว่า
ผมไม่ได้รวย ไม่ได้มีรถหรูๆ
เลยไม่รู้จะไปสร้างประโยชน์ให้เค้าได้อย่างไร

จริงๆแล้ว เรื่องของ Utility
มันไม่ได้เป็นเรื่องของเงินทองอย่างเดียวครับ

ดังนั้น
ผมจะแนะนำเทคนิค
ที่ช่วยให้ ทุกท่าน
ดูเป็นคนที่มี Utility ขึ้นมาในทันที
โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวครับ

ตั้งใจอ่านดีๆนะครับ
เทคนิคนี้ ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกครับ





#####################

เทคนิคที่ว่าก็คือ
"การแนะนำคนให้รู้จัก"

วิธีการก็คือ

เวลาเราเข้าไปในงานแห่งหนึ่ง

(เทคนิคนี้ แม้เราจะไม่รู้จักใครในงานเลย
ก็สามารถนำไปใช้ได้ครับ)


ให้เราพยายามเข้าไปคุยกับคนให้
มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อาจจะสัก 1-3 คน

ตรงนี้เข้าไปแนะนำตัวเฉยๆ
คุยเกี่ยวกับเรื่องของเค้านิดๆหน่อย
เช่นทำงานอะไร

(ตรงนี้ผมขอเรียกว่า กลุ่มนาย A
นะครับ เพื่อไม่ให้งง)

จากนั้น หลังจากเรารู้จัก
คนจำนวนหนึ่งแล้ว
เราก็เดินเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้ๆคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนาย A
จากนั้น ก็ทักทาย
และแนะนำใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนาย A
ให้เค้ารู้จัก ครับ

ตรงนี้เอง คนที่เราเพิ่งเค้าไปคุย
เค้าจะรู้สึกว่า
เราเป็นคนที่รู้จักคนมาก
(แสดงออกถึง Utility ของเราที่มีต่อเค้า)
เพราะเค้าจะคิดว่า เราอาจจะรู้จัก
คนอื่นที่น่าจะพอมีประโยชน์สำหรับเค้าในอนาคตครับ

ตรงนี้เป็นการแสดงออกถึง
Utility ที่เรามี
โดยไม่ต้องไปลงทุนซื้อของแพงๆมาอวดครับ

สรุปง่ายๆก็คือ
"การแนะนำคนให้รู้จักอีกคนไปเรื่อยๆครับ"


ทีนี้หลายๆคนอาจจะไม่กล้า
หรืออาจจะกลัวการทักทายคน
เพราะผมเข้าใจว่า
บางครั้งเราไปงานที่เราไม่คุ้น
ไม่รู้จักใครเลย มันเลยทำให้เราทำตัวไม่ถูก

ก็แนะนำอีกเทคนิคนึงที่ช่วยเราไม่ให้ประหม่าครับ


เทคนิคที่ว่านั่นก็คือ
การ Reframe ความคิด

แทนที่จะคิดว่าเราเป็นแขกที่ไม่รู้จักใครในงาน
ให้จินตนาการว่า เราเป็นเจ้าของงานไปเลย
หรือพูดง่ายๆว่าเราเป็นเจ้าของบ้าน
พอเราคิดแบบนี้
เราก็จะแสดงออกแบบไม่กดดัน
เพราะเราจะรู้สึกสบายใจขึ้นครับ

ก็ลองนำไปใช้กันดูครับ
สำหรับเทคนิคการสร้าง
Utility ง่ายๆแบบนี้







สวัสดีครับ
สำหรับในบทความนี้
ผมจะอธิบายถึงเรื่องที่
ช่วยให้เรานั้นเป็นที่รักของคนรอบข้างครับ

สังเกตดูว่า บางคน
ไม่ว่าจะคุยกับใครก็แล้วแต่
ถ้าเราสังเกตดีๆ คนๆนั้น จะทำให้
คนที่คุยด้วย ยิ้มได้ทุกครั้ง
หรือไม่ก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

จริงๆแล้ว
ผมก็เคยสงสัยว่า
ทำไม บางคนมีแต่คนอยากอยู่ด้วย
ทำไม บางคนมีแต่คนอยากคุยด้วย
ทำไม บางคน มีแต่คนรัก มีแต่คนเคารพ

ซึ่งพอลองสังเกตดูดีๆ
ก็พบว่า จริงๆแล้ว
ความลับ ที่ทำให้คนเหล่านั้น
เป็นที่รักของคนรอบข้าง
ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
หรือเป็นเรื่องที่เกิดความสามารถ
ของคนธรรมดาแต่อย่างใดครับ

ความลับที่ว่านั่นก็คือ
เรื่อง Recognition
หรือการจดจำในสิ่งเล็กๆน้อยๆได้นั่นเองครับ





ก็ลองสังเกตดูว่า
คนเหล่านี้ มักจะจำเรื่องของคนรู้จักได้เก่ง

พูดง่ายๆ ว่า
แต่ละครั้ง ที่เค้าเข้าไปทักทายใครก็แล้วแต่
เค้าก็จะพยายามยกเรื่องที่เกี่ยวกับคนๆนั้น
ขึ้นมาพูด
เช่น "สุนัขที่พามาวันก่อน เป็นไงบ้าง ยังซนเหมือนเดิมมั้ย"
"ตกลงหางานที่ถูกใจ ได้แล้วรึยัง"
"เป็นไงบ้าง เตรียมตัวสอบไปถึงไหนแล้ว"

#################################
Tip ที่ควรรู้ : เหตุผลที่เทคนิค Recognition
นี้ได้ผล เพราะ ตามหลักจิตวิทยา มนุษย์ทุกคน
มักจะรู้สึกดี เวลาได้ฟังคนอื่นพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเราครับ
#################################







ดังนั้น ต่อไปนี้
ผมแนะนำให้ทุกครั้งที่เจอเพื่อนของเราหรือคนรู้จัก
ให้เราพยายามนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเค้า
และยกขึ้นมาพูดกับเค้าครับ

รับรองว่า ถ้าฝึกบ่อยๆ เราจะ
เป็นคนที่จำรายละเอียดของแต่ละคนได้เก่ง

ทีนี้หลายๆคนอาจจะบอกว่า
จำไม่ค่อยได้
ก็แนะนำว่า ให้ลองฝึกกับเพื่อนใกล้ตัวก่อน
เพื่อที่จะทำให้เรานั้น ชินกับการสังเกต
และจดจำรายละเอียดของคนอื่นครับ

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเลยก็คือ
เวลาเราเจอใคร ใหม่ๆ
หลายๆคนมักจะลืมชื่อ
ก็เทคนิคง่ายๆ ให้พยายามเรียกชื่อคนๆนั้นบ่อยๆ
เวลาคุยกันครับ
รับรองว่า เรียกสักสามสี่ครั้ง เดี๋ยวก็เริ่มจำได้ครับ
ไม่ต้องไปซีเรียสกับเทคนิคการจำอะไรให้มันปวดหัวมากมาย
ขอแค่เรา เรียกชื่อเค้าซ้ำๆในระหว่างการสนทนา
เดี๋ยวมันก็จำได้เองครับ

ก็สรุปสั้นๆอีกครั้งว่า
Recognition
เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คนรอบข้างเรา
รู้สึกมีความสุข และรู้สึกดีเวลาคุยกับเราครับ
ตรงนี้เองจะทำให้ เค้าอยากอยู่ด้วยกับเรา
ซึ่งจะทำให้ Rapport ที่เรามีต่อเค้านั้น
ค่อยๆมีระดับที่ดีมากขึ้น

อย่าลืมว่า เราต้องพยายามเปลี่ยนไปสู่ระดับ
Introductory Rapport ครับ

ดังนั้น เทคนิคเล็กๆน้อยๆพวกนี้
จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาดครับ

ก็ลองนำไปฝึกใช้กันดูครับ
ได้ผลยังไง ก็ลองส่งข้อความมาพูดคุยกันได้
ที่ช่องคอมเม้นด้านล่างนะครับครับ

สำหรับเนื้อหาในบทความต่อไป จะเป็นอะไรนั้น
ก็รอติดตามกันได้ครับ



วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557




ถ้าทุกท่านลองสังเกตดีๆ
จะเห็นว่า

เพื่อนบางคนเจอเราบ่อย
คุยกันก็บ่อย
แต่ไม่เห็นชวนเราไปเที่ยวด้วยสักครั้งเลย

หรือ
ไม่เคยแนะนำเพื่อนของเค้าให้เรารู้จักเลย

ตรงนี้เอง ผมจึงต้องขออธิบายถึงเรื่อง
"Rapport"
ภาษาไทยผมไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรนะครับ
เอาเป็นว่า ให้เข้าใจง่ายๆว่า
มันหมายถึง
การที่เราแสดงออกเพื่อให้สนิทกับคนรอบข้างมากขึ้นครับ

อันดับแรก
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Rapport
มันมีหลายระดับ
พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับ การที่เราสนิทกับใครสักคน
มันก็มีระดับที่ต่างกันครับ

ตรงนี้จริงๆ
ผมก็ไม่อยากจะแบ่งระดับอะไร
ให้มันยุ่งยาก หรือ ให้มันงงนะครับ

แต่ก็ต้องขอแบ่งระดับ
เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายครับ

ระดับที่ 1 คือ "No Rapport"
พูดง่ายๆก็คือ
เราไม่รู้จักอะไรกับเค้าเลยครับ
ไม่เคยคุย ไม่เคยเจอหน้ากันจริงๆ

ระดับที่ 2 คือ "1 on 1 Rapport"
อันนี้เป็นระดับที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน
ก็คือ เรากับเค้า เคยคุยกันบ้าง
อาจจะไปนั่งทานกาแฟ นั่งคุยกันบางครั้ง
พูดง่ายๆ เป็นระดับที่เรากับคนๆนั้น
รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยกันครับ

ระดับที่ 3 คือ "Introductory Rapport"
ระดับนี้ เป็นระดับที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเป็นกัน
เป็นระดับที่สำคัญเพราะ
ถ้าเรามีความสัมพันธ์กับเพื่อนของเราในระดับนี้
เค้าจะเป็นคนที่ แนะนำเราให้รู้จัก คนใน Social Circle
ของเค้าครับ

ย้อนกลับไปที่เกริ่นไว้ในตอนต้น ว่า
ทำไม
เพื่อนบางคนของเราไม่เคยชวนเราไปเที่ยว
หรือไม่เคยแนะนำเพื่อนของเค้าให้เรารู้จัก
ทั้งๆที่เราก็เจอหน้าเค้าบ่อย คุยกันก็บ่อย

เหตุผลก็คือ เรากับเพื่อนของเราคนนั้น
อยู่ใน ระดับ "1 on 1 Rapport" นั่นเองครับ
พูดง่ายๆก็คือ คุยกันได้ สบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน
แต่ไม่ได้สนิทกันถึงขั้น
ที่เค้าจะแนะนำเพื่อนคนอื่นๆใน Social Circle
ของเค้าให้เรารู้จักครับ (Introductory Rapport)

ทีนี้ เราจะมาดูกันว่า การเปลี่ยนจากแต่ละระดับนั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ

"จากระดับที่ 1 ไป 2"
อันนี้ไม่ยาก
เพียงแค่เรา คุยกับเค้าบ่อยๆ
มีอะไรที่เหมือนกันพอสมควร (Commonality)
ก็จะทำให้เรากับเค้านั้น สนิทกันมากขึ้น ครับ

#######################
Tip ที่ควรรู้ : คนเรามีแนวโน้มที่จะชอบคนที่
ทำกิจกรรม มีความชอบหรืองานอดิเรก ที่เหมือนๆกันครับ
#######################




ระดับที่ผมจะเน้นก็คือ
"การเปลี่ยนจากระดับที่ 2 ไปยังระดับที่ 3"
ซึ่งจะทำให้เรานั้น ได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นจาก
Social Circle ของเพื่อนเราครับ

ตรงนี้ ถ้าใช้เพียงการพูดคุย
หรือใช้ Commonality พยายามแสดงออก
ว่ามีอะไรที่เหมือนๆกัน อย่างเดียว
ก็คงไม่พอครับ

เราต้องใช้ เทคนิค และเรื่องจิตวิทยา
ต่างๆเข้ามาช่วยด้วยครับ

#######################

แทรกนิดนึงครับ ถึงตรงนี้ผมว่าหลายๆคน
อาจจะสงสัยว่า มันเป็นการ fake รึป่าว
พวกเทคนิคต่างๆพวกนี้ แบบนี้มันก็ไม่จริงใจกับเพื่อนสิ

ผมขอบอกตรงๆเลยว่า
เทคนิคต่างๆพวกนี้ ถ้านำไปใช้ในทางไม่ดี
มันก็เป็นการ fake และจะก่อให้เกิดผลเสีย
ต่อตัวเราเองในระยะยาวครับ

แต่ถ้านำไปใช้กับคนที่เราอยากคบหาด้วย
หรือเป็นกลุ่มคนที่เราจริงใจกับเค้า
และรู้สึกดีเวลาอยู่ด้วย
เทคนิคพวกนี้ ก็จะยิ่งช่วยให้เรานั้น
เป็นที่รักของคนในสังคมนั้นๆ ครับ

ก็ขอเตือนว่า แนะนำให้ใช้เทคนิคต่างๆ
เฉพาะกับคนที่เราชอบและอยากคบหาด้วยจริงๆครับ

#######################

ก็เดี๋ยวบทความต่อไป
ผมจะอธิบายถึงเทคนิคต่างๆเพิ่มเติมที่จะ
ช่วยให้เรานั้น ข้ามจาก
ระดับที่ 2 (1 on 1 Rapport)
ไปยังระดับที่ 3 (Introductory Rapport)
ซึ่งเป็นระดับสำคัญ
ที่ช่วยในการขยาย Social Circle
ของเราครับ

ก็รอติดตามกันได้ครับ





สวัสดีครับ
หลังจากเราทำความเข้าใจกันแล้วว่า
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมานั่งโทษตัวเอง
ที่ไม่ค่อยกล้าทำ cold approach

วันนี้ เราจะมาดูถึง เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ
Social Circle กันต่อครับ

อย่างแรกที่ต้องรู้ก็คือ
ส่วนมากแล้ว
สาวๆมักจะรู้จักหนุ่มๆ
ผ่านทางช่องทางหลักๆเหล่านี้ครับ
- เพื่อนของเพื่อน
- เป็นเพื่อนร่วมงานกัน
- เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน
- เป็นเพื่อนที่รู้จักกันในที่ทำกิจกรรมต่างๆ
เช่น ฟิตเนส คอร์สเรียนต่างๆ

ซึ่งข้อดีของช่องทางที่ยกตัวอย่างมาทั้ง 4 ช่องทางนี้
ก็คือ ทุกช่องทางนั้น "แทบจะไม่ต้องใช้ cold approach"
ในการเข้าหาหรือเข้าไปทำความรู้จักกับสาวๆครับ

สมมติเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ยังไงก็ต้องได้คุยกันอยู่แล้ว
หรือ ไปคอร์สเรียนเหมือนๆกัน
ยังไงเค้าก็ยินดีที่จะทำความรู้จักกับเราอยู่แล้วครับ
อย่าลืมว่า คนเราชอบคนที่ทำอะไรเหมือนๆกันครับ


############################
ลองดูตัวอย่างเหตุการณ์ง่ายๆอันนี้ครับ
############################

สมมติว่า เจน ไปงานแต่งงานของเพื่อน ชื่อว่า แนน
เจนยังโสดอยู่ แล้วก็บ่นๆกับแนน ว่าไม่ค่อยเจอผู้ชายดีๆเลย
แนนมีเพื่อนผู้ชาย คนนึงชื่อ เต้ ซึ่งยังโสดเหมือนกัน
แนนก็เลยแนะนำให้เต้ รู้จักกับเจน
ซึ่ง พอเต้ คุยกับเจน เจนก็ไม่รู้สึกกดดัน หรือ มีเกราะป้องกันอะไรมาก
เพราะเห็นว่า เต้ เป็นเพื่อนของแนน

ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า โอกาส ในการสานสัมพันธ์และหว่างเต้กับเจนนั้น
เป็นไปได้ง่ายกว่า การที่หนุ่มบางคนเดินเข้ามาจีบเจนตามผับตามบาร์
อย่างแน่นอนครับ

############################


############################


TIP ที่ควรรู้ : ผู้หญิงส่วนใหญ่ เวลาเพื่อนๆถามว่า รู้จักกับแฟนจากที่ไหน
ไม่มีผู้หญิงคนไหน อยากบอกว่า รู้จักมาจากผับหรือบาร์หรอกครับ
เพราะอย่าลืมว่า ผู้หญิง เป็นเพศ ที่กลัวการดูถูกจากคนรอบข่้างมากครับ

############################




ตั้งแต่บทความนี้เป็นต้นไป
ผมจะเริ่มพูดถึง
เทคนิคในการสร้าง Social Circle
ของเราครับ

เทคนิคแรก ที่จะพูดถึงก็คือ

"Regularity" หรือ "ความสม่ำเสมอ"

อย่างแรกเลย เราควรจะหาร้านประจำ
หรือสถานที่ ที่เราไปเป็นประจำ
จากนั้น ให้ทำการคุยกับ เจ้าของร้าน
เด็กเสริฟ หรือคนที่อยู่แถวนั้นบ่อยๆ

แรกๆอาจจะไม่กล้าคุย
ก็แนะนำให้ ไปที่นั้นบ่อยๆ จนคนแถวนั้น
เค้าเริ่มจำหน้าเราได้
จากนั้น ก็หาจังหวะ หันไปสบตาเค้า แล้วยิ้มให้เค้า
แล้วก็เริ่มชวนเค้าคุยครับ
อาจจะถาม เค้าดูว่าเป็นยังไงบ้างช่วงนี้
หรือชมว่า ร้านบรรยากาศดีมาก อาหารอร่อยมาก

อะไรก็ได้ครับ
ตรงนี้ สิ่งสำคัญคือ ความสม่ำเสมอ
ถ้าเราเริ่มไปในสถานที่ไหนเป็นประจำ
เราก็จะชินกับสถานที่นั้นๆ และรู้สึกสบายใจ
เวลาอยู่ที่นั่น

ตรงจุดนี้เอง เราก็จะค่อยๆขยาย
Social Circle ไปยังกลุ่มคนแถวนั้น

เวลาใครไปไหนมาไหน
ถ้าเค้าแวะมาแถวนั้นที่เรานั่งประจำ
เราก็จะกล้าชวนเค้าคุยโดยธรรมชาติ
เพราะเราคุ้นเคยกับสถานที่นั้นๆครับ

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคง่ายๆที่บางคนมองข้าม

ก็ลองนำไปใช้กันดู อาจจะเป็นร้านอาหาร
ร้านกาแฟ ฟิตเนส หรือที่ไหนๆก็ได้ครับ

ในบทความต่อไป
ผมจะเพิ่มเติมเทคนิคต่างๆ ให้อีกครับ

รอติดตามกันได้ครับ...



วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557



โอเค ครับ
สำหรับเรื่องแรกที่จะพูดถึงก็คือ
เรื่อง "Social Circle Game"

พูดตามตรง สมัยก่อน แรกๆ ที่ผมเริ่มศึกษา
เรื่องศาสตร์ในการจีบสาว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือชื่อ The Game
หรือตำราจีบสาวดอนฮวนยอดฮิต ที่พบได้ตามร้านหนังสือไทยทั่วๆไป

พออ่านจบ ก็รู้สึกว่า การจีบสาวมัน
ต้องออกไปเดินขอเบอร์เค้าเยอะๆ ถึงจะเก่ง
หรือ ต้องใช้พวก กฎสามวิ ที่บอกว่าทันทีที่เห็นสาวสวย
ให้รีบเข้าไปขอเบอร์ทันทีในสามวิ จะได้ไม่ต้องคิดหาข้ออ้าง

เท่าที่อ่านๆมา แต่ละคนเค้าก็บอกว่า ต้องออกไปขอเบอร์
วันนึงเป็นสิบๆคน ถึงจะพัฒนาตัวเองได้เร็ว

ผมก็พยายามลองทำตามที่เค้าบอกดู
แต่เอาเข้าจริง มันไม่สนุกหรอกครับ การที่ออกไปเดินขอเบอร์สาว
ตามที่ต่างๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่เสียเวลา และกินพลังงานมาก
กว่าจะเดินเจอสาวที่โดนใจ กว่าจะทำใจให้กล้าเข้าไปคุย
ดีไม่ดี ก็หน้าแตกกลับมา ยิ่งทำให้เสียกำลังใจอีก

มันจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกผิด
หรือรู้สึกว่า ทำไมเราไม่กล้าเอาชนะตัวเองสักที
เรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้ อ่านคำแนะนำกี่ครั้ง
ก็มีแต่คนเชียร์ให้ออกไปลุย ออกไปปฏิบัติเยอะๆ
แต่เอาเค้าจริง มันไม่ง่ายหรอกครับ

เดี๋ยวนี้ ถึงแม้ว่า ผมจะกล้ามากขึ้นกว่าเก่า
แต่พูดจริงๆ
"ผมก็ไม่ค่อยชอบการเข้าไปขอเบอร์สาวตามที่ต่างๆ
แบบอยู่ๆก็เข้าไปขอเบอร์ดื้อๆเลย
หรือที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Cold Approach ครับ"

ทีนี้ผมก็เริ่มสังเกตดู และพบว่า
มันมี กฎอยู่ข้อนึง ที่ทำให้
ไม่ว่าเราจะ สามารถออกไปทำ Cold Approach
และได้เบอร์สาวมามากขนาดไหน
สุดท้าย ก็แพ้หนุ่มคนอื่นที่จีบ

กฎที่ว่านั่นก็คือ
"Law of Familiarity"

พูดง่ายๆคือ เมื่อเราได้เบอร์สาวที่กำลังจีบมา
เรายังไม่ทันได้ชวนไปออกเดท
ส่วนมากก็มักจะเสร็จหนุ่มคนอื่น ที่"อยู่ใกล้เค้า"มากกว่าเราครับ

ซึ่งถ้ามองดูดีๆ หนุ่มคนที่จีบเค้าติดไปก่อนเรานั้น
เค้าไม่จำเป็นต้องใช้ Cold Approach ในการเข้าหาคนที่เราจีบ
เพราะ เค้าอยู่ใน Social Circle เดียวกับสาวคนที่เรากำลังจีบอยู่แล้ว

ซึ่งเค้าอาจจะเจอเธอบ่อยกว่าเรา
หรือไม่เค้าก็อาจจะรู้จักเพื่อนของเธอ ด้วยซ้ำครับ

พูดง่ายๆว่าหนุ่มๆที่อยู่ใน Social Circle ของสาวๆเหล่านี้
มักจะชนะหนุ่มประเภทที่อยู่ๆเดินเข้าไปขอเบอร์สาวเพื่อที่จะจีบครับ




#### มันเป็นความจริงของชีวิต ####
ฉะนั้น เราต้อง "ยอมรับความจริงข้อนี้" ครับ

ถ้าไม่เชื่อผม ก็ลองถามเพื่อนผู้หญิงรอบข้างดูว่า
เค้าเจอกับแฟนครั้งแรกที่ไหน
รับรองว่า น้อยมากที่จะเจอคำตอบประเภท
"อ๋อ เจอกันที่ ผับแห่งหนึ่ง วันนั้นอยู่ๆเค้าก็เดินเข้ามาขอเบอร์เรานะ"

อาจจะมีบ้างครับ ที่เป็นแฟนกัน เพราะแฟนเค้าใช้ Cold Approach เข้ามาจีบ
แต่น้อยมากที่จะเจอครับ

คำตอบส่วนใหญ่มักจะเป็นประเภท
"อ๋อ วันนั้นไปงานแต่งเพื่อน เจอกันโดยบังเอิญ
คุยกันแล้วคลิ๊ก ก็เลยนัดเจอกันบ่อยๆนะ"

###### ประเด็นหลักของ Email ฉบับนี้คือ ######


อยากให้ทุกท่านเปลี่ยนมุมมองใหม่
และเลิกด่าหรือโทษตัวเองเวลาที่เจอสาวสวยๆ
แล้วไม่กล้าใช้ Cold Approach เดินเข้าไปจีบครับ

ผมเข้าใจอารมณ์ว่า บางครั้งมันเสียดายและมักจะคิดกันในใจว่า
"ทำไมเราไม่กล้าเดินเข้าไปขอเบอร์ว่ะ"

ลองคิดใหม่ว่า ถึงเราจะกล้าเดินเข้าไปจีบ
แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้สานต่อแบบจริงๆจังๆครับ

เพราะฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมานั่งเสียดายครับ

สรุปง่ายๆว่า เรื่อง Social Circle เป็นเรื่องสำคัญมาก
ในการที่เราจะมีโอกาสได้เจอสาวๆที่ถูกใจ

ก็เดี๋ยวผมจะอธิบายถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ Social Circle
ในบทความต่อๆไปครับ

รอติดตามกันได้ครับ...